วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การลงทุนด้วย Warrant

Warrant คือใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญ เปรียบได้กับ ใบจองซื้อรถยนต์เพื่อนำไปซื้อรถยนต์ warrant มาจากบริษัท มีมติในที่ประชุมเพื่อเพิ่มทุนสำหรับนำเงินไปใช้ขยายกิจการ หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือ refinance ทางการเงินของบริษัท หรือกิจการอื่นใดที่เหมาะสม ซึ่งบริษัท นำมตินี้ไปเสนอขออนุมัติจาก ตลท. และ กลต. ตามลำดับ หลังจากได้รับอนุมัติแล้ว จึงออก warrant ได้

การได้ warrant จะขึ้นเครื่องหมาย xw หรือ xa แล้วแต่กรณี การออก warrant มี 2 -3 วิธี
1.แจกฟรี เช่น BLAND-W2 UNIQ-W1 เป็นต้น
2.ต้องเสียเงินซื้อ เช่น TICON-W4 เป็นต้น
3.หรือมาจากการเพิ่มทุนหุ้นสามัญ แล้วแถมฟรี เช่น ASCON-W1 เป็นต้น

เมื่อก่อน warrant ออกง่ายไม่ยุ่งยาก แต่เดี๋ยวนี้ทำยากขึ้น เพราะ ตลท. และ กลต. เข้มงวดมากขึ้นนั่นเอง ผู้ไม่มีความชำนาญในการเล่น warrant ไม่ควรเข้ามายุ่ง เพราะมีความเสี่ยงสูง ผันผวนสูง แต่ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน

องค์ประกอบสำคัญที่จำเป็นต้องรู้ 3 อย่างได้แก่
1.อัตราส่วนการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ เช่น 1:5 คือ 1 warrant เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญ 5 หุ้น
2.ราคาแปลงสภาพ เช่น 8.50 บาท UMS-W1+8.50 บาท ได้ UMS 1 หุ้น
3.วันหมดอายุ เช่น 1 ปี , 3 ปี BLAND-W1 หมดอายุ มค.53

นักลงทุนต้องรู้จักกิจการของหุ้นที่ซื้อพอสมควร เช่น ดำเนินธุรกิจอะไร มีความเติบโตก้าวหน้าแค่ไหน ราคาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไหร่ ความต้องการของบริษัท ในการแปลง warrant เป็นหุ้นสามัญเพื่อให้ได้เงินเข้าบริษัท มีหรือไม่ เป็นต้น
สรุป การเล่น warrant หากรู้จักคำนวณความเสี่ยงต่าง ๆ รู้องค์ประกอบ 3 ข้อดังที่กล่าวมาแล้ว จะไม่มีทางขาดทุนเลย มิหนำซ้ำยังเป็นอุปกรณ์ช่วยกำหนดราคาหุ้นที่เราลงทุน คล้าย ๆ เราได้หุ้น IPO ในมือตามต้นทุนของ warrant ที่เราซื้อมา หาก warrant ที่เราซื้อมา ราคาเพิ่มขึ้น เรามีทางเลือก 2 ทางคือ ขายทำกำไรออกไป หรือถือไว้เพื่อแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การลงทุน

การนำเงินไปลงทุน
1.เงินฝากธนาคาร ได้แก่ ฝากออมทรัพย์ ฝากประจำ ฝากแบบพิเศษ
2.ลงทุนกองทุนรวม ได้แก่ ตราสารหนี้ ตราสารทุน
3.ซื้อพันธบัตร ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ
4.ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ ซื้อที่ดิน ซื้อคอนโดมิเนียม
5.ลงทุนในตราสารทุน ได้แก่ ซื้อหุ้น
6.ลงทุนในอนุพันธ์ ได้แก่ ฟิวเจอร์ส ออปชั่น สต็อกฟิวเจอร์ส โกลด์ฟิวเจอร์ส เป็นต้น

กฎเกณฑ์การลงทุนก็คือ เสี่ยงน้อย ได้ผลตอบแทนน้อย เสี่ยงมาก ได้ผลตอบแทนมาก นี่เป็นกฎพื้นฐานนะค่ะ

ผู้อ่านที่อายุไม่มากสามารถลงทุนได้ทุกประเภทเลยค่ะ สำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี ควรลงทุนเฉพาะเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาลเท่านั้นนะค่ะ เพราะต้องลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุดหรือเท่ากับศูนย์เลยทีเดียวค่ะ


การลงทุนในเงินฝาก
การฝากเงินมีอยู่ 2 ประเภทคือ
1.การฝากออมทรัพย์
2.การฝากประจำ

การฝากออมทรัพย์ เป็นการฝากเงินไม่กำหนดระยะเวลาแน่นอน คือ ฝากเมื่อไหร่ก็ได้ ถอนเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน ความไม่แน่นอนเรื่องระยะเวลาฝาก ทำให้ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยให้ในอัตราที่ต่ำเพราะธนาคารต้องคอยกันเงินสำรองไว้เผื่อการถอนเงินของผู้ฝากนั่นเอง
เวลาจ่ายดอกเบี้ยออมทรัพย์ ปกติปีละ 2 ครั้งคือ กลางปีเดือนมิถุนายน และปลายปีเดือนธันวาคม ปัจจุบันดอกเบี้ยออมทรัพย์อยู่ที่ 0.25% ต่อปี นับว่าน้อยมาก สำหรับการฝากประจำ เป็นการฝากเงินมีกำหนดระยะเวลาแน่นอน อัตราดอกเบี้ยจึงสูงกว่าออมทรัพย์เพราะธนาคารสามารถนำเงินไปลงทุนหรือปล่อยให้กู้ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าผู้ฝากจะถอนเงินก่อนกำหนด หากผู้ฝากถอนก่อนดำหนดเวลาจะไม่ได้ดอกเบี้ยในอัตราที่ตกลงกันไว้ แต่อาจได้อัตราออมทรัพย์แทน ฝากประจำมีตั้งแต่ 3 เดือน 6เดือน 1ปี 2ปี หรือฝากแบบพิเศษ คือ ฝากทุก ๆ เดือน หรือตามโปรโมชั่นของแต่ละธนาคาร

การฝากเงินทุกประเภท ต้องเสียภาษี 15% เว้นแต่เป็นประเภทเงินฝากปลอดภาษี จึงจะได้รับการยกเว้น ผู้ฝากต้องเลือกว่าจะเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย หรือจะนำไปคำนวณรวมเพื่อประเมินภาษี ในภงด. นะค่ะ แล้วแต่จะเลือก บางท่านอาจไม่ทราบว่าเราเลือกได้นะค่ะ และอีกประการหนึ่งคือ การฝากออมทรัพย์ ธนาคารคิดดอกเบี้ยให้ทุกคืนนะค่ะ กล่าวคือ วันนี้เรานำเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ 1,000,000 บาท พรุ่งนี้เราถอนเงิน ทั้งหมด เราได้ดอกเบี้ย 1 คืน คือ 1 วัน แต่ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยนี้ตามที่บอกนะค่ะ คือ เดิอนมิถุนายน หรือเดือนธันวาคม เว้นแต่เราจะฝากวันนี้ พรุ่งนี้ปิดบัญชี ธนาคารจะคำนวณดอกเบี้ยให้หากเราปิดบัญชีนะค่ะ แต่ผู้อ่าน ถ้าไม่จำเป็นอย่าทำเช่นนี้เพราะธนาคารจะมองหน้าเรา และแอบตำหนิเราว่า ทำให้เค้าเสียเวลาได้นะค่ะ

การลงทุนในกองทุนรวม
กองทุนรวมมีหลายประเภทดังนี้คือ
1.กองทุนเปิด ไม่กำหนดระยะเวลา
2.กองทุนปิด มีกำหนดชัดเจน
3.กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เช่น BKKCP UOBAPF SPF TFUND เป็นต้น
4.กองทุนรวมแบบผสม
5.กองทุนรวมตราสารหนี้
6.กองทุนรวมตราสารทุน
7.กองทุนรวม LTF RMF

โดยหลักเกณฑ์แล้ว กองทุนจะมีวัตถุประสงค์ในการลงทุน และไม่สามารถไปลงทุนอย่างอื่นนอกเหนือไปจากที่ได้กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ ผู้อ่านจึงสามารถเลือกได้ว่าจะรับความเสี่ยงแบบไหน หรือชอบการลงทุนในรูปแบบใดโดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของกองทุนและดูผลงานย้อนหลัง และคาดคะเนแนวโน้มการลงทุนว่า กองไหนจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการฝากเงิน

ที่สำคัญอีกอย่างคือ กองทุนรวมเหล่านี้มักจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้แก่ผู้ลงทุน ดังนั้น หากกองทุนใดให้ผลตอบแทนเท่ากับเงินฝากประจำที่อัตราดีที่สุด ก็แสดงว่า กองทุนนั้น ดีกว่าการฝากเงินแล้วค่ะ เพราะได้เปรียบเรื่องการเสียภาษี 15% ยิ่งถ้าให้ผลตอบแทนมากกว่า ก็ยิ่งดีนะค่ะ

การลงทุนในหุ้น
การลงทุนในหุ้นได้รับผลตอบแทน 2 แบบคือ
1.ส่วนต่างราคาของหุ้น capital gain
2.เงินปันผล dividend
ผลตอบแทนอื่น ๆ เช่น การแจก warrant การจ่ายหุ้นปันผล การแจกส่วนลดหรือผลิตภัณฑ์ของบริษัท นอกจากนี้ ผู้ลงทุนมีหน้าที่คอยดูแลติดตามผลดำเนินงานของบริษัทด้วย และต้องเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อรับทราบนโยบายการทำงานของบริษัท ผู้ถือหุ้นคือ เจ้าของบริษัท ส่วนผู้ถือหุ้นกู้คือ เจ้าหนี้ของบริษัท
การลงทุนในหุ้นสามารถลงทุนได้ 2 แบบคือ
1.ลงทุนแบบพื้นฐาน fundamental เป็นการลงทุนระยะยาวหน่อย
2.ลงทุนแบบเก็งกำไร speculation มักเป็นการลงทุนระยะสั้น ๆ

นักลงทุนที่ลงทุนหุ้นพื้นฐาน เช่น กลุ่มพลังงานได้แก่ หุ้นปตท PTT หุ้นปตทสผ PTTEP หุ้นไทยออยล์TOP เป็นต้น กลุ่มธนาคาร ได้แก่ ธ.กรุงเทพBBL ธ.กสิกรไทยKBANK ธ.ไทยพาณิชย์SCB เป็นต้น กลุ่มหลักทรัพย์ ได้แก่ บล.กิมเอ็งKEST บล.เอเซียพลัสASP บล.คันทรีกรุ๊ปCGS เป็นต้น
หากผู้อ่านต้องการลงทุนหุ้นกลุ่มใด ประเภทใด ศึกษาหาข้อมูลเบี้องต้น เช่น ค่า PE ratio หมายถึง ราคาที่เหมาะสม Book value หมายถึงราคาประเมินตามมูลค่าบัญชี เป็นต้น ผู้อ่านท่านใด สนใจลงทุนหุ้นใด ๆ ปรึกษาการลงทุนได้นะค่ะ

แบบฝึกหัดจับคู่ความสัมพันธ์ ( Relation Exercise)

หัวข้อนี้ มีไว้ทดสอบท่านที่เล่นหุ้นว่า รู้จักชื่อ หรือ ธุรกิจของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
เป็นจำนวนมากน้อยเพียงใด ลองทดสอบดูก่อนดูเฉลยข้างท้ายนะครับ

1 ADVANC
2 AEONTS
3 AI
4 AIT
5 AOT
6 AH
7 ASP
8 BEC
9 BECL
10 KTB
11 KTC
12 SCB
13 SCC
14 SCCC
15 SCIB
16 SINGHA
17 TASCO
18 TIPCO
19 TTA
20 TPIPL

A ปูนซิเมนต์ไทย
B ปูนซิเมนต์นครหลวง
C ธนาคารนครหลวงไทย
D เรือขนส่งทางทะเล
E ธุรกิจสัปปะรด
F บัตรเครดิตกรุงไทย
G ธุรกิจพื้นไม้ปาร์เก้
H ธนาคารไทยพาณิชย์
I แอ็ดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส
J ปูนทีพีไอ
K ธุรกิจยางมะตอย
L บริษัทหลักทรัพย์เอเชียพลัส
M บริษัททางด่วน
N สนามบิน
O เอเชี่ยน อินซูเลเตอร์
P แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี
Q ธนาคารกรุงไทย
R ธุรกิจสินเชื่อเงินผ่อน
S ชิ้นส่วนยานยนต์
T ช่อง 3


เป็นอย่างไรกันบ้าง ท่านสามารถจับคู่ ได้ครบถูกต้องทั้งหมดหรือเปล่า ถ้ายังจับคู่ได้ไม่ครบ แสดงว่า ท่านยังเล่นหุ้นแบบหน้าใหม่ นะครับ ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และพร้อมจะลงสนามจริงด้วยความมั่นใจ ว่า ไม่ได้ลงทุนในหุ้นผิดตัว ผิดประเภท


เฉลย 1 = I , 2 =R , 3=O , 4=P , 5=N , 6=S , 7=L , 8=T , 9=M , 10=Q
11=F , 12=H , 13=A , 14=B , 15=C , 16=G , 17=K , 18=E , 19=D , 20=J

แบบสอบถามความเข้าใจหุ้น (Questionnaire)

เพื่อเป็นการทดสอบความคิด ความเข้าใจ และแนวทางซื้อขายของท่าน ให้นำกลับไปทบทวนตนเองว่า เลือกเล่นหุ้นแบบไหน แล้วผลลัพธ์ เป็นเช่นใด ไม่มีข้อใดถูกหรือผิด 100% เพียงแต่เป็นการถามใจตัวเองมากกว่า ว่ามีมุมมองในการเล่นหุ้นยังไง ลองทำทดสอบ แล้วประเมินผลเองด้วยนะครับ

คุณมีความคิดเห็นอย่างไรต่อการเล่นหุ้น
( ) 1 เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงแต่คุ้มค่า ถ้ารู้จักวิธีเล่นดี ๆ
( ) 2 รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง กำไรขึ้นอยู่กับบุญ หรือกรรม มั้ง

เวลาที่คุณจะซื้อหุ้น คุณอยากซื้อตอนไหน
( ) 1 หุ้นแดงเยอะ ๆ แต่ยังไม่รู้ว่า ทำไมมันถึงลงมามาก
( ) 2 หุ้นเขียว บวกมาพอควรแล้ว และน่าจะไปได้อีก (คุณคิด)

เมื่อคุณซื้อหุ้นแล้ว คุณอยากขายหุ้นตอนไหน (ถ้าเริ่มมีกำไร)
( ) 1 เขียว ๆ สิ กำไรดี แนวต้านหรือแนวไหนก็ได้ ที่คิดว่าเยอะที่สุด
( ) 2 ช่างมัน ปล่อยให้ขึ้นไปสุด ๆ ก่อน แล้วดูว่า จะปล่อยตรงไหน (เดี๋ยวขายหมู)

เมื่อคุณซื้อหุ้นแล้ว คุณอยากขายหุ้นตอนไหน (ถ้าขาดทุนอยู่)
( ) 1 รอดูอาการก่อน ถ้าไม่ดี ค่อยขาย แต่ราคารูดลงไปเยอะเลย ขายแล้วต้องรีบเอากลับนะ ขาดทุนเยอะเลย
( ) 2 ท่าทางไม่ดี ขาดทุนให้น้อยที่สุด แล้วไม่เล่นอีกเลย (เข็ด จริง ๆ หุ้นตัวนี้)

คุณขายหุ้นแล้ว มันดันขึ้นต่ออีก คุณจะ...
( ) 1 ซื้อตามมันไป ดูซิ จะไปถึงไหน เดี๋ยวจะเสียฟอร์ม แต่ไม่กลัวเจ็บ (ติดยอดดอย)
( ) 2 เลิก ๆ หาตัวอื่นเล่น มีถมถื่นไป กำไรตัวอื่น ก็เหมือนกันละน่ะ

เวลาคุณขายหุ้น คุณคิดว่า...
( ) 1 ขายแล้ว ขายเลย ไม่เสียประวัติกับตัวนี้ กลัวมันย้อนทำเราเจ็บ (กลัวจริง ๆ)
( ) 2 ขายแล้วหล่นต่อ น่าสนใจ ซื้อกลับมาอีก ถ้ามีโอกาสขึ้นได้อีก เอาอีก หลายรอบก็ดี

ตลาดแดง ๆ คุณคิดว่า...
( ) 1 น่าเบื่อหน่าย ขายหุ้นไม่ได้ซักตัว ซื้อก็ไม่อยากซื้อ กลัวหล่นต่ออีก ขายก็กลัว ขึ้นมาให้ช้ำใจ
( ) 2 น่าจะมีหุ้นเจ็บ ๆ ให้ซื้อไว้กำไรงาม ๆ บ้าง ถ้ามองหาเจอ แล้วรับราคาไหว

ตลาดเขียว ๆ คุณคิดว่า...
( ) 1 น่าลุยซื้อสักตัวสองตัว ใคร ๆ ก็กำไรได้เงิน เราน่าจะได้บ้าง นิดหน่อยก็ยังดี
( ) 2 ขายดีกว่า โอกาสกินเงินเจ้ามือ มาถึงแล้ว ถืออยู่นาน กำไรเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่ว่ากำไรก็แล้วกัน

หุ้นตัวไหน เล่นแล้วมักมีกำไร คุณจะ...
( ) 1 มองหาเสมอ เวลาไม่มีตัวเล่น ชอบจังเลย ซื้อทีไร กำไรทุกที ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
( ) 2 ก็อยากซื้อ แต่กลัวว่ามันจะเอาคืน ดูก่อน รอก่อน (ประจำ)

หุ้นบางตัว เล่นทีไร โดนมันเล่นงานทุกที คุณจะ...
( ) 1 แก้แค้นเมื่อมีโอกาส ให้มันรู้ไป ว่าใครจะแน่กว่ากัน ต้องชนะมันบ้างซิ
( ) 2 โอ๊ย แค่ได้ยินชื่อก็ขยาด ใครอย่ามาพูดให้ได้ยิน เกลียดมัน ๆ

ขายหุ้นเล่น short ไป หุ้นตกลงมาอีก คุณจะ...
( ) 1 รับคืนมา เพราะยังขาดทุนอยู่ เดี๋ยวก็คืนทุนเอง ไม่นานหรอก อาจกำไรด้วย (เราคิด)
( ) 2 ทำไม มันยังตกอีกว่ะ มันต้องมีอะไรแน่เลย หาข้อมูลก่อน ค่อยซื้อดีกว่า

ขายหุ้นเปลี่ยนตัว ไปเข้าอีกตัวหนึ่ง ตัวเข้าไปใหม่มีกำไร คุณจะ...
( ) 1 ขายแล้วเลิกเลย ไปนั่งคิดเงินว่าขาดทุนตัวเก่าเท่าไหร่ กำไรตัวใหม่เท่าไหร่ รวมแล้วเป็นยังไง
( ) 2 ขายตัวใหม่ มองย้อนดูตัวเก่า แล้วหาโอกาสเข้าไปเพื่อจะได้แก้มือ (อีกทีสิ)

ขายหุ้นเปลี่ยนตัว ไปเข้าอีกตัวหนึ่ง ตัวเข้าไปใหม่ขาดทุนต่ออีก คุณจะ...
( ) 1 โอ้ สวรรค์ ทำไมกลั่นแกล้งคนดี ๆ เช่นเรา แล้วเมื่อไหร่ จะได้เงินคืนหล่ะเนี่ย เซ็งจัง
( ) 2 ขายมันทิ้ง กลับไปซื้อตัวเดิมคืน (ถือไว้กีดีแล้ว ไม่น่าเลย)

เล่นหุ้นมาตั้งนานแล้ว ยังขาดทุนอยู่เลย คุณจะ...
( ) 1 เลิกดีกว่า ได้ทุนคืนมาบ้างกีดีแล้ว ยังไงก็ขอให้ขาดทุนน้อยที่สุดก็แล้วกัน
( ) 2 เป็นไปไม่ได้ เราไม่มีทางขาดทุน เราเล่นหุ้นเป็นนี่น่า รอไว้ ทุกตัวต้องกลับมา (มั่นใจ)

หุ้นทำให้คนร่ำรวยได้รวดเร็ว
( ) 1 ไม่จริง เล่นแล้วยังไม่เห็นว่าจะรวยขึ้นตรงไหน มีแต่เอาเงินเพิ่มเข้าไป ๆ ไม่รู้ลงไปเท่าไหร่แล้ว
( ) 2 เครียดมากกว่า แต่ไม่เหนื่อยเพราะไม่ได้ออกแรง แต่ลุ้นแทบตาย ไม่คิดว่าชีวิตเป็นแบบนี้ (เฮ้อ)

หุ้น ซื้อเล่นตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นจะกำไรเลย
( ) 1 ชัวร์ ไม่รู้จะได้เงินคืนมั๊ย เท่าทุนก็ดีใจแล้ว แต่ถ้ากำไร ก็ลุยต่อ แฮะ ๆ ไม่เข็ด
( ) 2 เราสู้ไม่ถอย คนท้อถอย คือคนที่หมดโอกาส และเป็นผู้แพ้ในที่สุด (เกิดมาลุย)

สรุป เป็นอย่างไรบ้างครับ คงจะพอเห็นแนวทางกันบ้าง บางคนอาจไม่เคยคิดในมุมอื่น แบบสอบถามนี้ อาจช่วยสร้างจินตนาการให้กับทุก ๆ ท่าน ไม่มากก็น้อย ขอให้สู้ต่อไปนะครับ

แนวคิดและเทคนิคการเล่นหุ้น (Stock Concept and Technique)

แนวคิดของการเล่นหุ้น คือ เล่นอย่างไรให้ไม่ขาดทุน ส่วนจะได้กำไรเท่าไหร่แล้วแต่โชควาสนาของแต่ละคน ที่กล่าวอย่างนี้ ก็เพราะแต่ละคนจะได้กำไร หรือขาดทุน แตกต่างกันออกไป ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ว่า ถ้าหากทำอย่างนั้นอย่างนี้แล้วจะได้กำไรดี
ผู้เขียนขอเสนอแนะ แนวคิดและเทคนิคในการซื้อขายหุ้น ดังนี้ คือ

กรณี A ตลาดเป็นบวก +
ถ้า + เล็กน้อย เล่นหุ้นตัวที่ขึ้น เล่นหุ้น + อย่าเล่นหุ้น - (ถ้าไม่มี rebound)
ถ้า ++ เล่น trade สั้น ๆ ได้ แล้วหาจังหวะออก
ถ้า +++ แรง เล่นหุ้นพื้นฐานดี ๆ เช่น กลุ่ม ptt กลุ่มหลักทรัพย์ เช่น kest asp
หรือกลุ่มรับเหมา เช่น ck itd stec เป็นต้น
หรือหุ้นที่ + แรง ๆ หรือ warrant ที่ + ตามตลาด

กรณี B ตลาด +/- เล็กน้อย
เล่นหุ้นไล่ ถ้ามีแรงดึงขึ้น ให้ hold ไว้ รอดูอาการค่อยขาย
หรือ เล่นตาม step เช่น 3 ช่อง 5 , 10 , 20 ช่อง (spread0
หรือ เล่นหุ้นที่มีข่าวดี (news) หนุนหลัง

กรณี C ตลาดเป็นลบ –
ถ้า – นิดหน่อย เล่น trade สั้น ๆ แล้วออก
ถ้า --- ให้หยุดการเล่น รอดูตลาดก่อน หรือ นำหุ้นที่มีมา short
ถ้า --- มาก ๆ ให้หยุดสนิท รอให้เกิดอาการ rebound
เล่นหุ้นที่ตก floor ซึ่งอาจ rebound ได้ (ระวัง หุ้นเก็งกำไร จะfloorสนิท)
หรือหุ้นตัวที่ + สวนกระแสตลาด
หรือ warrant ที่ลดลง มากถึง 50% ก็น่าสนใจ

อย่างไรก็ดี ผู้เขียน ให้ข้อคิดว่า ‘trade ให้ได้เปรียบ อย่า trade แบบแก้ไข’ และถ้าท่านพบเจอ กรณีหุ้นที่ตลาด ห้ามเล่น cash กล่าวคือ ให้ trade เฉพาะ cash balance นั้น ขอบอกว่า ท่านสามารถเล่นตามน้ำได้ ถ้าหากว่า หุ้นตัวนั้น ๆ ยังขึ้นอยู่ต่อไป แสดงว่า มีคนคอยดูแลหุ้นตัวนั้น ๆ อยู่ แต่กลับกัน ถ้าหาก หุ้นตัวนั้น ๆ ปรับตัวลดลง ให้เลิกเล่น หรือถ้ามีอยู่ ให้จ้องขายทิ้งทันที แล้วหาตัวอื่น เล่นแทน***

ข้อแนะนำเวลา trade
09.55 – 10.15 ถ้ามีหุ้นซื้อไว้ท้ายตลาดเมื่อวาน ให้รอขายก่อน
10.30 – 11.00 ไล่ซื้อหุ้นที่มีแรงซื้อเข้ามา แล้วใช้ step ดูภาวะตลาดข้างต้น
12.00 – 12.30 ซื้อหุ้นที่มีแรงดีอย่างมั่นคง มีโอกาสเล่นต่อตอนบ่าย
14.25 – 15.00 เล่นหุ้นเพิ่งไล่ขึ้นของช่วงบ่าย
16.00 – 16.30 เล่นหุ้นไล่ราคาตอนท้าย มักไม่ค่อยตก เพราะขายไม่ทัน
16.35 หาหุ้นแนวโน้มดีช่วง random ไว้ขายวันถัดไป

ขอให้ประสบผลสำเร็จถ้วนหน้าครับ

กลุ่มหุ้น

กลุ่มธุรกิจชั้นนำที่มีเครือข่ายขนาดใหญ่ กระจายอยู่ในหมวดต่าง ๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีดังนี้

กลุ่ม PTT ได้แก่ PTT , PTTEP , PTTCH , PTTAR , TOP , IRPC
กลุ่ม BBL ได้แก่ BBL , ACL , BLS , ASP , BLA , BKI
กลุ่ม CP ได้แก่ CPF , TRUE , CPALL , MAKRO , FSS
กลุ่ม SCB ได้แก่ SCB , SICCO , SSEC , SCNYL , SCSMG
กลุ่ม JASMIN ได้แก่ JAS , JTS , JMART , TT&T
กลุ่ม ช่อง7 และ BAY ได้แก่ BAY , ESTAR , MEDIAS , SCCC
กลุ่ม CGS ได้แก่ CGS , D1 , EVER , (SAFARI)
กลุ่ม LH ได้แก่ LH , QH , PREB , Q-CON
กลุ่ม SHIN ได้แก่ SHIN , ADVANC , THCOM , CSL , TWZ
กลุ่ม N-PARK ได้แก่ N-PARK , FNS , BMCL , PA , SIRI , SYNTEC
กลุ่ม BLAND ได้แก่ BLAND , TYONG , BMCL
กลุ่ม PE ได้แก่ PE , PT , PM
กลุ่ม SC ได้แก่ SC , MLINK , WIN
กลุ่ม MIDA , ML , MME
กลุ่ม MAJOR , MJD , MPIC
กลุ่ม SAMART , SAMTEL , SIM
กลุ่ม STEC ได้แก่ STEC , STPI , CCP
กลุ่ม TTA ได้แก่ TTA , UMS , UEC

และกลุ่มอื่น ๆ ที่ไปถือกิจการอย่างละแห่ง 2 แห่ง เช่น
กลุ่ม SMC , SCAN
กลุ่ม ITD , NWR
กลุ่ม CK , TTW
กลุ่ม NEP , NNCL
กลุ่ม TKS , SYNEX
กลุ่ม GSTEEL , GJS
กลุ่ม TIPCO , TASCO
กลุ่ม SSE , DISTAR
กลุ่ม SSI , BSBM
กลุ่ม SCP , TWP
กลุ่ม BJC , UV
กลุ่ม SPORT , SMM
กลุ่ม UV , OISHI


กลุ่มที่รวมกันเฉพาะกิจ ได้แก่ IEC , BLISS
และกลุ่มอื่น ๆ ที่อาจมีขึ้นในอนาคต

นิทานคุณยาย 1 ดอลลาร์

คุณเคยได้ยิน นิทานคุณยาย 1 ดอลลาร์ไหม ?

เรื่องก็มีอยู่ว่า มีคุณยายแก่ ๆ คนหนึ่ง อายุอานามก็กว่า 80 ปีเห็นจะได้ มีทรัพย์สินเป็นจำนวน 5,000 ล้านดอลลาร์ โอ้ โฮ คุณยายของผม เป็นไปได้อย่างไร คุณยายแกทำมาหากินอะไร จึงได้มีมรดกเหลือเฟือขนาดนี้

คุณยายแก เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน แกยังเอ๊าะ ๆ แกมีเงินอยู่ 1 ดอลลาร์ แต่เกิดอยากรวย แกจึงคิดวิธีรวยได้ดังนี้คุณยาย นำเงินไปฝากเพื่อนลงทุนใน dow jones ตอน 400 – 500 จุด เลือกลงทุน ได้กำไรครั้งละ 20 % เท่านั้น ลักษณะการลงทุนเป็นดังนี้

กำไร 20% ปันผล 10%
เดือน1 เงิน 1 ดอกเบี้ย 0.2 , เดือน2 เงิน 1.2 ดอกเบี้ย 0.24 , เดือน3 เงิน 1.44 ดอกเบี้ย 0.29 , เดือน4 เงิน 1.73 ดอกเบี้ย 0.35 เดือน5 เงิน 2.07 ดอกเบี้ย 0.41 , เดือน6 เงิน 2.49 ดอกเบี้ย 0.5 , เดือน7 เงิน 2.99 ดอกเบี้ย 0.6 , เดือน8 เงิน 3.58 ดอกเบี้ย 0.72 , เดือน9 เงิน 4.3 ดอกเบี้ย 0.86 , เดือน10 เงิน 5.16 ดอกเบี้ย 1.03 , เดือน11 เงิน 6.19 ดอกเบี้ย 1.24 , เดือน12 เงิน 7.43 ดอกเบี้ย 1.49 ปันผล .74 , เดือน13 เงิน 8.92 ดอกเบี้ย 1.78 , เดือน14 เงิน 10.7 ดอกเบี้ย 2.14 , เดือน15 เงิน 12.84 ดอกเบี้ย 2.57 , เดือน16 เงิน 15.41 ดอกเบี้ย 3.08 , เดือน17 เงิน 18.49 ดอกเบี้ย 3.7 , เดือน18 เงิน 22.19 ดอกเบี้ย 4.44 , เดือน19 เงิน 26.62 ดอกเบี้ย 5.32 , เดือน20 เงิน 31.95 ดอกเบี้ย 6.39

ดังนั้น คุณยายจึงมีเงินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยการกำไรจากการลงทุนในหุ้น และเงินปันผล ซึ่งคุณยาย นำเงินไปลงทุนต่อเนื่องทุกครั้ง และนำเงินปันผลไปลงทุนอีกทอดนึง และคุณยายไม่เคยนำเงินลงทุนมาใช้จ่ายเลยคุณยาย ทำตัวแบบนี้เรื่อยมา ผ่านไป 40 ปี จวบจนกระทั่ง ดัชนี dow jones เป็น 10,000 จุด แกก็เลยมาคำนวณเงินที่เป็นหุ้นใน port ประมาณว่า มีแค่ 5,000 ล้านดอลลาร์ เอง

สรุปได้ว่า แนวทางของคุณยาย ทำอย่างนี้ คือคุณยาย ลงทุนมาตลอด ไม่เคยหยุดการลงทุนเลย และไม่เคยถอนเงินลงทุนด้วย ( ก็ คุณยาย ทำงานประจำ มีเงินเดือน ใช้จ่ายแต่เงินเดือน) เลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ธุรกิจเติบโต มีเงินปันผล มีหุ้นปันผล มีการแตกพาร์ แจก warrant คุณยายก็นำเงินและสิทธิประโยชน์มาลงทุนต่ออีกอย่างมั่นคง ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น มีการทบทวนการลงทุนครบทุก 2-3 ปี เพื่อเปลี่ยนธุรกิจใหม่ เพื่อความมั่งคั่ง (wealth) ทำเช่นนี้ ไปเรื่อย ๆ อดทนและรอคอย แม้นว่า จะมีเหตุการณ์ไม่ดี ยุบสภา แผ่นดินไหว น้ำมันแพง สงคราม โรคระบาด เศรษฐกิจถดถอย คุณยายไม่เคยถอนการลงทุนเลย (นิ่งมาก) และยังใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส เช่น น้ำมันแพง ก็เลือกลงทุนในหุ้นน้ำมัน

อิจฉา คุณยาย จังเลย ทำใจได้งัยเนี่ย แต่ก็เป็นไปได้นะครับ อย่าลืม นำไปประยุกต์ใช้ด้วยครับ